daisy

REVIEW

ว่ากันยาว ๆ นะ (อยากตั้งกระทู้รึวิว แต่ขี้เกียจถ่ายรูปเพิ่ม 555)
เพิ่งซื้อรุ่น matte long wear 2016 สูตรใหม่ล่าสุดสำหรับช่วง summer ของเกาหลีมาใช้ ชอบมากค่ะ ใช้เบอร์ w21 โทนเหลือง ก่อนซื้อใช้หาข้อมูลรีวิวยากมาก อาจเป็นเพราะไม่มีเคาน์เตอร์เปิดในไทย แต่เจอคลิปใน youtube เห็นว่าทาแล้วหน้าแมทชัดเจน เลยอยากลอง เพราะเป็นคนผิวผสมค่ะ สูตรทั่วไปที่ฉ่ำ ๆ น่าจะไม่รอด

ปรากฎว่าตอนทา สีจะสว่างกว่าผิว แต่ไม่มาก ช่วงแรกจะดูขาว แต่พอซักพักจะเซ็ทตัว และสีดรอปลง ทำให้เข้ากับผิวค่ะ และทำผิวดูเปล่งปลั่งขึ้น ส่องกระจกหันซ้ายขวาจะรู้สึกว่าผิวกระจายแสงดี

เรื่องคุมมัน ถือว่าทำได้ดี ถึงแม้จะไม่ได้โฆษณาอย่างชัดเจนเหมือน laneige คือ ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง ยังดูเป็นผิวสวย สุขภาพดี ไม่มันเยิ้ม พอตกบ่าย ก็เพิ่มน้ำมันขึ้นอีกหน่อย แต่ก็ไม่เยิ้ม ไม่เป็นคราบ สังเกตว่า หน้าจะหมองลงเมื่อผ่านไปครึ่งวัน แต่พอซับความมันออก ส่องกระจกดูจะเห็นว่ามันกลับมาสว่างขึ้น อาจจะเพราะเป็นสูตร long wear ที่ติดทนกว่ารุ่นอื่นด้วยก็ได้

แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยปกปิดรูขุมขนเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเราเน้นให้หน้าเปล่งปลั่งและคุมมันเป็นหลัก 555 เรื่องรูขุมขนอาจจะต้องหา primer ใช้เพิ่ม

พอค่ำ ๆ มีสีดรอปลงไปเหมือนกัน ถ้าจะได้ไม่เต็ม 5 ก็คงเพราะสาเหตุนี้ แต่อันนี้คงแก้ยากสำหรับผิวเรา เพราะเป็นกับคุชชั่นหลายตัว แต่เพิ่งได้ primer ของ illamasqua มา เห็นบอกว่าช่วยให้เมคอัพติดทนนาน ไม่หมองไม่ดรอป เดี๋ยวจะลองเอาใช้ด้วยกัน น่าจะช่วยได้ และเป็นสูตรคุมมันด้วย

ก่อนหน้านี้ใช้ innisfree long wear รู้สึกว่าสูตรใหม่ล่าสุดจะค่อนข้างข้น มีตกร่องรูขุมขนตอนใช้บ้าง ยี่ห้อนี้จะทำให้ผิวสว่างเหมือนกัน แต่ตอนทาใหม่ ๆ จะดูขาววอกกว่า แบบว่าส่องกระจกแล้วรู้สึกขัดใจกับความวอกมากกว่า iope อย่างชัดเจน และทาเพิ่มระหว่างวันไม่ค่อยได้ เพราะจะเป็นคราบ แต่ iope เติมระหว่างวันได้
ส่วน the faceshop oil control สูตรนี้ก็เคยใช้ แต่สียิ่งเทาไปกันใหญ่ และรู้สึกว่ามีสิวผดเม็ดเล็ก ๆ ขึ้น ใช้ไม่หมดตลับก็ตัดสินใจเปลี่ยน
และถ้าเทียบกับ laneige pore control ซึ่งเพิ่งถอยมาใช้ได้ไม่นาน ถือว่าอาจจะคุมมันได้น้อยกว่า laneige นิดนึง ถ้าไม่สังเกตดี ๆ คือ จะบอกว่าพอ ๆ กันก็ยังได้ แต่ laneige สีไม่ตรงกับผิว เลือกเบอร์ 23 มา ทาช่วงแรก มืดกว่าผิวนิดเดียว แต่พอซักพักเซ็ทตัว ก็ดูหน้าแดง ๆ ไม่ค่อยสว่าง พอผ่านไป 2-3 ชั่วโมง เริ่มหมองลงอีก และด้วยความไม่ลดละ เลยซื้อ tester เบอร์ 21 มาลอง ปรากฎว่ากลายเป็นขาวกว่าหน้า ขาวแบบซีด ๆ ไม่ค่อยเปล่งปลั่ง เลยบอกลา laneige ไปในที่สุด

พอลอง swatch สีเปรียบเทียบกันพบว่า iope สูตร matte รุ่นใหม่นี้ สีโทนเหลืองกว่าทุกตัวอย่างชัดเจน แทบไม่เห็นว่าอมชมพูเลย คงจะเหมาะกับผิวเราเพราะแบบนี้ 555 แต่ใครโทนชมพูก็ซื้อเบอร์อื่นได้ เพราะรุ่นนี้มีเฉดสีเยอะทั้งโทนเหลือง และชมพู

นอกจากนี้บอกได้เลยว่า iope เอามือแตะหน้า พบว่าไม่เหนอะหน้าเลย เมื่อเทียบกับ 2 แบรนด์แรกที่จับหน้าแล้วหนืด ๆ กว่า คนที่ไม่ชอบอะไรเหนอะหนะ น่าจะชอบรุ่นนี้

เพิ่งเริ่มใช้ เดี๋ยวลองดูไปเรื่อย ๆ ถ้าโอเคอย่างนี้ ไม่แพ้ ไม่เป็นสิว ก็อาจจะเปลี่ยนจาก 2 แบรนด์ก่อนหน้ามาใช้แบรนด์นี้กันยาว ๆ

8 years ago
ใช้โฟมรุ่นนี้แล้วสังเกตได้ว่าหน้าใสขึ้นหลังจากล้างเสร็จเลยค่ะ แต่ติตรงที่ล้างออกยาก รู้สึกว่าเปลืองน้ำล้างหน้ามาก 555 คือต้องใช้มือปาดเนื้อโฟมบนหน้าทิ้ง แล้วล้างมือก่อนทีนึง ถึงจะวักน้ำล้างหน้าได้ตามปกติ อันนี้มองตรงข้ามกับคนอื่น อาจจะเป็นเพราะหลังล้างแล้วยังรู้สึกเหมือนมีฟิล์มเคลือบผิวไว้ ซึ่งส่วนตัวไม่ค่อยชอบ เพราะแต่ก่อนใช้ผงแป้งล้างหน้าของ Kose รู้สึกว่าหมดจดกว่า (แต่แอบรู้สึกว่าผิวตึงกว่า) ส่วนเม็ดบีดส์ก็โอเคค่ะ เวลาล้างแล้วหมุนวน ๆ เหมือนช่วยทำความสะอาดสิ่งอุดตันได้ดีขึ้น ส่วนรูขุมขนกระชับขึ้นรึเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ สังเกตเห็นไม่ชัดเจน ถามว่าซื้อต่อมั้ย คงไม่ กะจะลองรุ่นอื่นของ innisfree ดูบ้าง
8 years ago
พอดีเดินผ่านเคาน์เตอร์ benefit ในห้าง เจอรุ่นนี้ พนักงานแนะนำว่าคุมมันได้ดีและยาวนานกว่า benefit primer หลอดฟ้า ตัว primer จะช่วยแค่เตรียมผิวก่อนแต่งหน้า แต่ตัวนี้ทาระหว่างวัน ทับบนเมคอัพได้เลย คุมมันได้ 6 ชั่วโมง เลยทดลองซื้อมาใช้ ทันทีที่ใช้ทาบนส่วนทีโซน พบว่าลดมันทันตาเห็น ปกปิดรูขุมขนได้ด้วย ดูผิวนวลขึ้น อาจจะเป็นเพราะเนื้อเป็นบาล์ม ติดผิว และมีคุณสมบัติดูดซับความมันตามที่เค้าเคลมไว้ ประทับใจค่ะ แต่ถ้าพูดถึงคุมมันได้นานมั้ย คิดว่าได้ประมาณนึง แต่ไม่ถึงกับแมตเหมือนตอนแรกที่ทา ซักพักจะยังคงมีน้ำมันจากผิวหน้าซึมออกมา จมูกจะดูเงา ๆ กว่าตอนทาใหม่ ๆ แต่ไม่ถึงกับเยิ้ม ถ้าอยากให้แมตไปเลยอาจต้องลงแป้งฝุ่นทับ แต่กลัวเนื้อบาล์มจะติดหลุดมากับพัฟด้วยรึเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจ พนักงานบอกว่าหลอดนึงใช้ได้นานประมาณ 2 เดือน เดี๋ยวทดลองใช้หลอดนี้ติดต่อกันทุกวันดูก่อน ว่าจะใช้ได้นานคุ้มค่าแค่ไหน แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะซื้อต่อดีมั้ย
9 years ago
จากที่ทดลองใช้ cushion สูตรคุมมันมา 2 รุ่น คือ innisfree long wear กับรุ่นยอดฮิต the face shop oil control water cushion นะคะ สรุปได้ประมาณนี้

- innisfree รุ่นนี้เมทกว่าเยอะ จับหน้าแล้วไม่เหนียวหน้าเท่ากับ the face shop แต่ก็ไม่แห้งไปซะทีเดียวเหมือนทาพวกแป้งผสมรองพื้น มันตอบโจทย์คนที่ชอบผิวแนววาว ๆ แต่ไม่แววเกินไปได้ดี เพราะบางคนอาจจะไม่ชินกับผิวฉ่ำมาก ๆ (คือมันอาจจะแยกยากว่าอันไหนมัน อันไหนฉ่ำ เลยไม่มั่นใจ 555)
แต่ถ้าใครชอบแบบฉ่ำน้ำสไตล์เกาหลีเป๊ะ แนะนำให้ใช้ the face shop หรือรุ่นอื่นแทนดีกว่า
- ติดทนนาน หน้าดูผ่อง ช่วยปรับความกระจ่างใสให้ผิวเพิ่ม นึกว่าทา CC cream อยู่ทั้งที่เป็น BB cream
- ใช้แล้วเนียนขึ้นนะ ปกปิดรูขุมขนได้ดีกว่า the face shop
- เรื่องความมัน ได้ระดับหนึ่ง แต่ก็แนะนำให้ลง primer ก่อน เพื่อให้คุมมันนานกว่านี้ เพราะแม้ว่าสูตรจะคุมมันขนาดไหน cushion (คาดว่าทุกรุ่น) ก็เป็น make-up กลุ่มที่มีข้อจำกัดเรื่องนี้อยู่ดี
- ติเรื่องสี มีให้เลือกน้อย ทาแล้วหน้ายังดูขาวกว่าคอ พอลอง (ลงทุน) ซื้อสีเข้มขึ้นมาใช้ ก็ยังไม่เข้ากับหน้า ยังให้ความรู้สึกขาวหน่อย ๆ (ขาวแต่ทำให้หน้าดูหมอง ตกลงเลยใช้สีเบอร์เดิม เพราะหน้าดูผ่องกว่า) แต่พอช่วงหลังเที่ยง สีผิวโอเคขึ้น จะว่ามันดรอปลงรึเปล่าไม่แน่ใจ แต่ดูพอดีกับผิวมากขึ้น
- เรื่องราคา โอเคนะ เอื้อมถึง 555 เป็นรุ่นคุมมันที่ราคาไม่แพง สูสีกับ the face shop ถ้าเป็นรุ่นอื่นนอกจากนี้จะเกือบพันหรือพันกว่าขึ้นไป และยังช่วยกันแดดด้วย ซึ่งปกติใช้กันแดดราคาเกือบ 300 แล้ว ตอนนี้ใช้รุ่นนี้แทน ซื้อทางเน็ต ถ้าเป็นรีฟิลก็ 300 กว่า ๆ ทดแทนกันแดดกันได้ แถมได้ผิวที่ดูดีกว่า ถือว่าคุ้ม
9 years ago